วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ครูต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ มีอะไรบ้าง

 


ครูต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ มีอะไรบ้าง

บทนำ

ในยุคที่การศึกษาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ครูไม่สามารถหยุดนิ่งอยู่กับความรู้เดิมได้ การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบจึงเป็นหัวใจสำคัญของความเป็นครูมืออาชีพ ครูที่พัฒนาตนเองจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. การพัฒนาความรู้ในเนื้อหาวิชาที่สอน

ครูต้องเรียนรู้และติดตามความรู้ใหม่ในสาขาวิชาที่ตนเองสอนอยู่เสมอ เนื่องจากความรู้ในทุกศาสตร์มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ครูควรอ่านตำรา บทความวิชาการ งานวิจัยใหม่ และเข้าร่วมการอบรมเชิงวิชาการเพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้ทันสมัยและลึกซึ้งยิ่งขึ้น

2. การพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้

การจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพต้องใช้เทคนิคและวิธีการที่หลากหลาย ครูควรศึกษาแนวทางการสอนแบบต่างๆ เช่น Active Learning, Problem-Based Learning, Project-Based Learning และการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ รวมถึงการใช้สื่อและเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีขึ้น

3. การพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล

ในยุคดิจิทัล ครูต้องมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน ทั้งการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ การสร้างสื่อดิจิทัล และการประเมินผลด้วยเครื่องมือออนไลน์ การพัฒนาทักษะเหล่านี้จะช่วยให้การจัดการเรียนรู้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้เรียนในยุคปัจจุบัน

4. การวิจัยในชั้นเรียน

ครูควรทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อศึกษาปัญหาและหาแนวทางพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้ดีขึ้น การวิจัยช่วยให้ครูเข้าใจผู้เรียนมากขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบ และนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับบริบทของตนเอง

5. การพัฒนาทักษะการบริหารจัดการชั้นเรียน

การบริหารจัดการชั้นเรียนที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ครูต้องพัฒนาทักษะในการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ การจัดการพฤติกรรมนักเรียน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เรียน และการจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและจิตใจที่เหมาะสม

6. การพัฒนาความรู้ด้านจิตวิทยาและพัฒนาการของผู้เรียน

ครูต้องเข้าใจจิตวิทยาการเรียนรู้ พัฒนาการของผู้เรียนในแต่ละวัย และความแตกต่างระหว่างบุคคล ความรู้เหล่านี้จะช่วยให้ครูสามารถออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคน จัดการกับปัญหาพฤติกรรม และสนับสนุนผู้เรียนให้พัฒนาเต็มศักยภาพ

7. การพัฒนาทักษะการวัดและประเมินผล

การวัดและประเมินผลเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการเรียนรู้ ครูต้องพัฒนาความสามารถในการออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลที่หลากหลาย ทั้งการประเมินเพื่อการเรียนรู้ การประเมินระหว่างการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ รวมถึงการให้ข้อมูลย้อนกลับที่สร้างสรรค์แก่ผู้เรียน

8. การเรียนรู้จากชุมชนวิชาชีพ (Professional Learning Community)

การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนครูและผู้ร่วมวิชาชีพเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณค่า ครูควรเข้าร่วมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ สังเกตการสอนของครูคนอื่น แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และร่วมกันแก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาร่วมกัน

9. การพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ

ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีด้านคุณธรรม จริยธรรม และยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพ การพัฒนาตนเองในด้านนี้รวมถึงการสะท้อนคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของตนเอง การรักษามาตรฐานวิชาชีพ และการมีจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อผู้เรียนและสังคม

10. การดูแลสุขภาพกายและใจของตนเอง

ครูที่มีสุขภาวะที่ดีจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน การพัฒนาตนเองจึงรวมถึงการดูแลสุขภาพร่างกาย การจัดการความเครียด การสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว และการสร้างพลังบวกในการทำงาน

แนวทางการพัฒนาอย่างเป็นระบบ

เพื่อให้การพัฒนาตนเองมีประสิทธิภาพ ครูควรมีแผนพัฒนาตนเองที่ชัดเจน โดยกำหนดเป้าหมายที่ต้องการพัฒนา เลือกวิธีการพัฒนาที่เหมาะสม กำหนดระยะเวลา และประเมินผลการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ควรบันทึกการเรียนรู้และนำสิ่งที่เรียนรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานจริง

สรุป

การพัฒนาตนเองของครูอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบไม่ใช่ภาระ แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่ออนาคตของผู้เรียน ครูที่พัฒนาตนเองอย่างจริงจังจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เรียน และยกระดับคุณภาพการศึกษาของชาติได้อย่างแท้จริง

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2568

คำกล่าวให้โอวาทเนื่องในพิธีไหว้ครู ประจำปีการศึกษา 2568

 


คำกล่าวให้โอวาทเนื่องในพิธีไหว้ครู ประจำปีการศึกษา 2568

เรียน คณะผู้บริหาร คณะครูอาจารย์ และสวัสดีนักเรียนอันเป็นที่รักทุกคน

วันนี้เป็นวันอันเป็นมงคลยิ่ง ที่เราทุกคนได้มารวมกันในพิธีไหว้ครู ประจำปีการศึกษา 2568 ซึ่งเป็นประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของไทย ผม/ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดียิ่งที่ได้เห็นภาพของนักเรียนทุกคน ที่ได้ตั้งใจนำพานดอกไม้ธูปเทียนมาแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อคณะครูในวันนี้ ภาพเหล่านี้คือสิ่งที่สะท้อนถึงความรัก ความผูกพัน และความเคารพที่มีต่อผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้

คำว่า "ครู" นั้น ไม่ได้เป็นเพียงผู้สอนหนังสือตามตำรา แต่ครูคือผู้จุดประทีปส่องทาง คือผู้สร้างแรงบันดาลใจ และคือ "เรือจ้าง" ที่พร้อมจะส่งพาศิษย์ทุกคนให้ข้ามฝั่งแห่งความไม่รู้ ไปสู่ฝั่งแห่งสติปัญญาและความสำเร็จในชีวิต ความเหนื่อยยากของครูนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความสุขเสมอ เมื่อได้เห็นศิษย์ของตนเติบโตเป็นคนดี มีความรู้ และเป็นกำลังสำคัญของสังคม

ในพานไหว้ครูที่พวกเธอนำมานั้น ล้วนมีความหมายอันเป็นมงคลซ่อนอยู่

  • หญ้าแพรก ขอให้เรียนรู้ได้รวดเร็ว ว่องไว และแตกฉานในวิชาความรู้ดั่งหญ้าแพรกที่เจริญงอกงาม
  • ข้าวตอก คือสัญลักษณ์ของระเบียบวินัย แม้จะถูกคั่วด้วยไฟ แต่ก็ยังสามารถเป็นข้าวตอกที่สวยงามได้ เปรียบดั่งนักเรียนที่แม้จะอยู่ในกฎระเบียบ แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้
  • ดอกมะเขือ เวลาบานจะโค้งงอลงมา เหมือนเป็นการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน พร้อมที่จะน้อมรับความรู้จากครูอาจารย์
  • ดอกเข็ม มีลักษณะเป็นดอกแหลมเล็ก เปรียบดังสติปัญญาที่เฉียบแหลม หลักแหลม มีไหวพริบปฏิภาณ

ในปีการศึกษา 2568 ที่กำลังจะเริ่มต้นนี้ ผม/ดิฉันในฐานะตัวแทนของคณะครูทุกคน ขอให้คำมั่นสัญญาว่า พวกเราจะปฏิบัติหน้าที่ของความเป็นครูอย่างเต็มกำลังความสามารถ จะเป็นแสงสว่างนำทาง และเป็นกำลังใจให้แก่ศิษย์ทุกคนอย่างไม่ย่อท้อ

และในโอกาสนี้ ใคร่ขอให้โอวาทแก่นักเรียนทุกคนว่า ขอให้ทุกคนจงตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ขยันหมั่นเพียร มีระเบียบวินัย เคารพเชื่อฟังคำสั่งสอนของครูอาจารย์และผู้ปกครอง จงใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา และที่สำคัญที่สุดคือ จงเป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรม และเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศชาติต่อไปในอนาคต

สุดท้ายนี้ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลให้นักเรียนและคณะครูทุกท่าน ประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีสติปัญญาที่เฉียบแหลม และประสบความสำเร็จในสิ่งที่มุ่งหวังทุกประการ ตลอดปีการศึกษา 2568 นี้

ขอให้ทุกคนโชคดีครับ/ค่ะ

ขอบคุณครับ/ค่ะ

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

รีวิว Samsung Galaxy Watch 7: นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่ครบครันและน่าใช้

 รีวิว Samsung Galaxy Watch 7: นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่ครบครันและน่าใช้

Samsung Galaxy Watch 7 เป็นนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับการปรับปรุงที่น่าสนใจหลายประการ ทั้งในด้านดีไซน์ ฟีเจอร์ และประสิทธิภาพการใช้งาน ผมได้มีโอกาสทดลองใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว และพร้อมจะมาแชร์ประสบการณ์การใช้งานให้ฟังกัน


ดีไซน์และการสร้าง



Galaxy Watch 7 ยังคงรักษาดีไซน์หน้าปัดกลมที่เป็นเอกลักษณ์ของซัมซุง โดยมาพร้อมกับตัวเรือนที่ทำจากอะลูมิเนียมคุณภาพสูง น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง สวมใส่สบายแม้ในการใช้งานเป็นเวลานาน สายนาฬิกาที่มาในกล่องเป็นสายซิลิโคนที่มีคุณภาพดี ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิว

หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 1.5 นิ้ว (รุ่น 44mm) ให้ความสว่างและสีสันที่สวยงาม อ่านง่ายแม้ในแสงแดดจัด ส่วนกระจกหน้าจอที่ใช้เป็น Sapphire Crystal ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีเยี่ยม


ประสิทธิภาพและระบบปฏิบัติการ



Galaxy Watch 7 ใช้ชิป Exynos W1000 รุ่นใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น ระบบปฏิบัติการ Wear OS 5 ทำงานได้ลื่นไหล การเปิดแอปและสลับระหว่างฟีเจอร์ต่างๆ รวดเร็วมาก

การตอบสนองของหน้าจอสัมผัสแม่นยำ การเลื่อนและแตะต่างๆ ทำได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาค้าง หรือช้า


ฟีเจอร์เด่นและการติดตามสุขภาพ



ฟีเจอร์การติดตามสุขภาพใน Galaxy Watch 7 นับว่าครบครันและแม่นยำมาก ไฮไลท์ที่น่าสนใจได้แก่:

การติดตามการนอนหลับ

วิเคราะห์รูปแบบการนอนได้ละเอียด ทั้ง REM, Deep Sleep และ Light Sleep

ให้คำแนะนำในการปรับปรุงคุณภาพการนอน

การตื่นตัวอัตโนมัติในช่วง Sleep Cycle ที่เหมาะสม

การติดตามการออกกำลังกาย

รองรับกิจกรรมออกกำลังกายมากกว่า 90 ประเภท

GPS ในตัวที่แม่นยำสำหรับการวิ่งและปั่นจักรยาน

วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ต่อเนื่อง

ฟีเจอร์สุขภาพใหม่

การวัด Body Composition (ร้อยละของไขมัน กล้ามเนื้อ และน้ำในร่างกาย)

การตรวจจับการล้มด้วย Fall Detection ที่ปรับปรุงแล้ว

การแจ้งเตือนระดับความเครียด


การใช้งานประจำวันและแบตเตอรี่


การใช้งานในชีวิตประจำวันของ Galaxy Watch 7 สะดวกสบายมาก โดยเฉพาะ:

การแจ้งเตือน

รับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนได้ครบถ้วน

สามารถตอบกลับข้อความผ่านการพิมพ์บนหน้าจอ หรือใช้เสียง

การจัดการการแจ้งเตือนทำได้ง่ายและเป็นระเบียบ

Samsung Pay และ NFC

ชำระเงินผ่าน Samsung Pay ได้สะดวก

รองรับบัตรเครดิต/เดบิตหลายธนาคารในประเทศไทย

ควบคุมสมาร์ทโฟน

ใช้เป็นรีโมทควบคุมกล้องสมาร์ทโฟนได้

ควบคุมการเล่นเพลงและปรับระดับเสียง

ค้นหาสมาร์ทโฟนเมื่อหาไม่เจอ

อายุการใช้งานแบตเตอรี่

แบตเตอรี่ของ Galaxy Watch 7 สามารถใช้งานได้ประมาณ 1.5-2 วัน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากเปิดใช้ Always-on Display และ GPS บ่อย อาจจะได้ประมาณ 1 วันกว่าๆ แต่หากใช้งานปกติโดยไม่เปิดฟีเจอร์หนักๆ สามารถใช้ได้เกือบ 2 วันเต็ม

การชาร์จใช้เวลาประมาณ 1-1.5 ชั่วโมงจาก 0-100% ด้วยเทคโนโลยี Fast Charging

ข้อดีและข้อเสีย


ข้อดี

ดีไซน์สวยงาม สวมใส่สบาย

หน้าจอสี Super AMOLED ที่คมชัดสวยงาม

ฟีเจอร์การติดตามสุขภาพที่ครบครันและแม่นยำ

ประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วและลื่นไหล

รองรับ Samsung Pay ใช้งานสะดวก

มีให้เลือกหลายขนาดและสี


ข้อเสีย

ราคาค่อนข้างสูง

อายุแบตเตอรี่อาจไม่เพียงพอสำหรับผู้ที่ใช้งานหนัก

ฟีเจอร์บางอย่างต้องใช้คู่กับสมาร์ทโฟน Samsung เท่านั้น

ไม่มี Speaker และ Microphone ที่คมชัดเท่าที่ควร


สรุป

Samsung Galaxy Watch 7 เป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่ครบเครื่องและน่าใช้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามสุขภาพอย่างจริงจัง และต้องการความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน แม้ราคาจะค่อนข้างสูง แต่ก็คุ้มค่ากับฟีเจอร์และคุณภาพที่ได้รับ

หากคุณเป็นผู้ใช้ระบบ Android โดยเฉพาะ Samsung Galaxy Series แล้ว Galaxy Watch 7 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้ แต่หากงบประมาณจำกัด อาจพิจารณารุ่นเก่าๆ ที่ยังมีฟีเจอร์ครบครันเช่นกัน

คะแนนรวม: 8.5/10



Comment